วิเคราะห์รูปแบบการลงทุนตามแบบผู้จัดการกองทุน*
วันนี้จะมาคุยถึงแนวทางการลงทุนและเลือกหุ้นแบบผู้จัดการกองทุนกัน จริงๆ แล้วผู้จัดการกองทุนแต่ละท่าน ต่างก็มีวิธีการในการเลือกหุ้นหรือสินทรัพย์มาลงทุนแตกต่างกันไป ทั้งนี้ความแตกต่างก็มาจากข้อจำกัดหรือนโยบายของกองทุนเอง เช่น เป็นกองทุนที่ลงแต่หุ้นขนาดใหญ่ หรือเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางกับขนาดเล็ก หรือเป็นกองทุนเกาะดัชนี ฯลฯ นอกจากนี้ก็มีความต่างในประสบการณ์ พื้นฐานความรู้ความถนัดที่ต่างกัน บางท่านมีพื้นฐานการศึกษามาจากสายวิศวกรแล้วเปลี่ยนมาศึกษาด้านการเงินตอนปริญญาโท บางท่านเคยทำงานด้านสินเชื่อ บางท่านเคยทำงานสายวาณิชธนกิจ หรือมาจากสายเศรษฐศาสตร์ สายบริหารธุรกิจก็มีอยู่มาก ซึ่งความต่างนี้ทำให้ต่างคน ต่างเลือกใช้เครื่องมือและแนวทางที่ตัวเองถนัด แนวทางที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้เป็นแนวทางพื้นฐานหลักๆ ที่ผู้จัดการกองทุนมักใช้ในการตัดสินใจลงทุนให้พอร์ต แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมด เพราะผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ในตลาดเงินตลาดทุนมานาน ย่อมต้องมีการพัฒนาเทคนิคเฉพาะตัวโดยอาศัยแหล่งข้อมูล ตัวเลขเชิงปริมาณที่นักลงทุนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ไม่เท่าบริษัทจัดการลงทุน แต่ เดี๋ยวนี้มีแหล่งข้อมูลมากมายบนอินเทอร์เน็ตให้ค้นหา บางแหล่งข้อมูลอาจมีค่าใช้จ่ายบ้างแต่ส่วนใหญ่ก็จะไม่มากมายอะไร เพราะเจ้าของข้อมูลมักจะคิดค่าใช้จ่ายในฐานะนักลงทุนรายย่อย ทั้งนี้มาพิจารณากันว่าแนวคิดของแนวทางหลักๆ ที่ว่ามีอะไรบ้าง
Top-Down Investing วิธีนี้เป็นพื้นฐานของการเลือกสินทรัพย์ลงทุนทั่วๆ ไปรวมกระทั่งหุ้น โดยการมองจากภาพใหญ่ เช่น ผู้จัดการกองทุนที่ลงทุนระดับโลกวิเคราะห์ว่าสหรัฐจะมีการเติบโตดีกว่าภูมิภาคอื่น ก็จะให้น้ำหนักการลงทุนกับตลาดสหรัฐมากกว่าภูมิภาคอื่น ผู้จัดการกองทุนที่ลงทุนเฉพาะในประเทศก็วิเคราะห์เศรษฐกิจในประเทศ หากพบว่าจะเติบโตได้ดีมาก ก็จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น และวิเคราะห์ต่อว่าหากตลาดเป็นขาขึ้น หุ้นกลุ่มธุรกิจใดจะขึ้นได้สูงกว่ากลุ่มอื่น ก็ให้น้ำหนักการลงทุนกับกลุ่มธุรกิจนั้นมากเป็นพิเศษ
Bottom-up Investing แนวทางนี้เป็นการเลือกสินทรัพย์ลงทุนจากการวิเคราะห์ความแข็งแกร่งหรือศักยภาพในการเติบโตของบริษัทเป็นรายตัว โดยไม่คำนึงว่าบริษัทนั้นจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่อาจไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วไปก็ได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ หุ้นของบริษัท อะเมซอน ซึ่งอยู่ในกลุ่มค้าปลีกที่ตลาดมองกันว่าเป็นกลุ่มที่แนวโน้มไม่สดใส แต่ในห้าปีที่ผ่านมาราคาหุ้นอเมซอนก็ปรับเพิ่มขึ้นจาก 200 กว่าเหรียญขึ้นมาใกล้ 1,000 เหรียญสหรัฐ จากการที่บริษัทวางแนวทางอี-คอมเมิร์ซมาก่อนบริษัทอื่น การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แนวทางนี้เป็นการประเมินและวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานทุกอย่างที่จะมีผลกระทบต่อราคาหุ้น ทั้งงบการเงิน การวิเคราะห์ผู้บริหารว่ามีวิธีบริหารบริษัทอย่างไร จะนำพาบริษัทไปทางไหน โดยการเข้าพบเพื่อสัมภาษณ์ รวมถึงการหาข้อมูลจากคู่ค้าและคู่แข่งของบริษัท เพื่อให้เข้าใจบริษัทอย่างลึกซึ้ง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค แนวทางนี้ผู้จัดการกองทุนมักใช้ร่วมกับการวิเคราะห์พื้นฐาน โดยเลือกหุ้นโดยพื้นฐานที่ดีแล้ว ใช้กราฟเทคนิคในการหาจังหวะเข้าออกหุ้น แนวคิดพื้นฐานของวิธีนี้คือการเชื่อในจิตวิทยาของนักลงทุน เชื่อว่ารูปแบบของราคาและแนวโน้มได้สะท้อนมาจากการคาดการณ์ผลประกอบการของหุ้นตัวนั้นๆ แล้ว
Contrarian Investing แนวทางนี้คือการหาหุ้นที่ไม่เป็นที่สนใจของตลาด หรือโดนนักลงทุนขายจนราคาปรับตัวลงมามากเกินกว่าราคาเหมาะสมที่ผู้จัดการกองทุนประเมินไว้ หากวิเคราะห์ถูกและซื้อหุ้นดังกล่าวได้ถูกช่วงเวลา เวลาหุ้นดังกล่าวมีข่าวให้ราคากลับขึ้นมา มักจะได้ส่วนต่างราคาสูงมาก วิธีนี้ใกล้เคียงกับ นักลงทุนที่เรียกว่านักลงทุนหุ้นคุณค่า
Dividend Investing แนวทางนี้คือการหาหุ้นที่มีผลประกอบการมั่นคงอาจไม่มีการเติบโตของกำไรสูงมากนัก แต่สามารถจ่ายปันผลในอัตราที่ค่อนข้างแน่นอนได้ทุกปี หุ้นกลุ่มนี้มักเป็นกลุ่มธุรกิจประเภทสาธารณูปโภค อย่าง โรงไฟฟ้า น้ำประปา อาหารสำเร็จรูป โรงพยาบาล เป็นหุ้นที่เหมาะกับนักลงทุนที่อยากได้รายได้สม่ำเสมอ หรือนักลงทุนที่เกษียณแล้ว นอกจากนี้โดยลักษณะพิเศษองหุ้นกลุ่มนี้ทำให้ราคาหุ้นมักไม่หวือหวา และราคาปรับลงน้อยกว่าในยามตลาดปรับตัวลงแรง ด้วยความที่มีกระแสเงินปันผลค้ำและธุรกิจมีรายได้ค่อนข้างมั่นคงกว่าหุ้นในอุตสาหกรรมอื่นๆ
โดยสรุปเมื่อมาถึงตรงนี้แล้วคงได้แนวความคิดที่จะไปประยุกต์ใช้สำหรับการลงทุนของตนเอง ทุกแนวทางที่กล่าวมาไม่มีวิธีไหนที่ดีที่สุด สำหรับทุกภาวะตลาด ทุกช่วงเวลา ผู้จัดการกองทุนหรือนักลงทุนเองต้องมีการพิจารณาปรับใช้ให้เหมาะสม และสามารถกระจายการลงทุนตามแนวทางข้างบนผสมผสานกันได้ ตามความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละคน เช่น เลือกจากปัจจัยพื้นฐาน 20% เลือกจากกราฟเทคนิค 50% และที่เหลืออาจเป็นหุ้นปันผล แต่ว่าถ้าใครยังไม่ถนัดลงทุนด้วยตัวเองจริงๆ ก็สามารถลงทุนด้วยกองทุนรวมที่ถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้เลือกการลงทุนที่เหมาะสมเอาไว้แล้ว ทำให้การลงทุนของเราเปรียบเสมือนมีมืออาชีพมาคอยช่วยดูแลการลงทุนให้เราได้เป็นอย่างดี
_______________
* แหล่งที่มาของข้อมูล : อนุชา จิตสมเกษม ผู้จัดการกองทุนอาวุโส ฝ่ายตราสารทุน
กลุ่มข้อมูลและวางแผนสื่อสารองค์กร
ฝ่ายสื่อสารองค์กร