Main Page > Economic Articles > บทความวิเคราะห์รายงานทางเศรษฐกิจและการเงิน เดือนมกราคม 2557

บทความวิเคราะห์รายงานทางเศรษฐกิจและการเงิน เดือนมกราคม 2557

รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงิน เดือนพฤศจิกายน 2556


          ข้อมูลเดือนพฤศจิกายน 2556 จากตารางภาวะเศรษฐกิจและการเงิน จะเห็นว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคมีค่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะสินค้าในหมวดอาหารสำเร็จรูปยังมีการปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่สินค้าจำพวกพืช ผัก ก็ยังมีราคาสูง อีกทั้งราคาน้ำมันก็มีความผันผวน ส่วนภาคการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากอยู่ในช่วงใกล้สิ้นปีทำให้มีคำสั่งซื้อสำหรับผลิตสินค้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้การผลิตจึงปรับตัวได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันดุลการค้ายังมีค่าเป็นบวก และมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามที่การนำเข้าที่มีการขยายตัวลดน้อยลง อย่างไรก็ตามภาวะการเงินยังทรงตัวไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยปริมาณเงินฝากและเงินให้สินเชื่อมีค่าเพิ่มขึ้น สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะธนาคารพาณิชย์ยังแข่งขันในเรื่องการระดมเงินอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ประชาชนยังคงออมเงินอย่างต่อเนื่อง สำหรับการปล่อยสินเชื่อมีการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากธนาคารเร่งการปล่อยสินเชื่อในช่วงปลายปีเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ตารางภาวะเศรษฐกิจและการเงิน

รายละเอียด

สิงหาคม 56

กันยายน 56

ตุลาคม 56

พฤศจิกายน 56

ดัชนีราคาผู้บริโภค

105.4

105.6

105.8

105.9

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม

175.46

171.19

170.91

174.21

อัตราการใช้กำลังการผลิต

63.55

63.86

62.64

69.43

ดุลการค้า

2,214.20

2,561.17

336.84

1,514.28

ดุลบัญชีเดินสะพัด

1,284.74

-534.38

375.70

2,294.13

เงินฝาก

10,789.28

10,870.45

10,954.17

n.a.

เงินให้สินเชื่อ

12,003.48

12,004.29

12,046.83

n.a.

                             ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย
                             หมายเหตุ: ดัชนีราคาผู้บริโภค มีปีฐานคือ 2545  เงินฝาก/เงินให้สินเชื่อ มีหน่วยเป็น พันล้านบาท
                                           อัตราการใช้กำลังการผลิต มีหน่วยเป็น ร้อยละ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม มีปีฐานคือ 2543
                                           ดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัด มีหน่วยเป็น ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา

 

ภาวะอสังหาริมทรัพย์ เดือนพฤศจิกายน 2556
     • ด้านอุปทาน
        - ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เปรียบเทียบ ณ พ.ย. 55 กับ 56 มีรายละเอียดดังนี้

ปี

จำนวน

การเติบโต

ณ พ.ย. 55

111,388

NA

ณ พ.ย. 56

117,900

5.85%

                                                   ที่มา: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

 

       - ประเภทที่อยู่อาศัยที่มีการจดทะเบียน ณ พ.ย. 56 เรียงตามลำดับมีรายละเอียดดังนี้

ประเภท

จำนวน

สัดส่วน

อาคารชุด

64,480

54.69

บ้านเดี่ยว

27,608

23.42

ทาวน์เฮ้าส์

14,681

12.45

อาคารพาณิชย์

9,037

7.66

บ้านแฝด

2,094

1.78

รวม

117,900

100.00

                                                   ที่มา: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์


     • ด้านอุปสงค์
        - การโอนกรรมสิทธิ์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เปรียบเทียบ ณ พ.ย. 55 กับ 56 มีรายละเอียดดังนี้

ปี

จำนวน

การเติบโต

ณ ก.ย. 55

140,425

NA

ณ ก.ย. 56

155,302

10.59%

                                                   ที่มา: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

 

       - ประเภทที่อยู่อาศัยที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ ณ พ.ย. 56 เรียงตามลำดับมีรายละเอียดดังนี้

ประเภท

จำนวน 

สัดส่วน

อาคารชุด

64,617

41.61

ทาวน์เฮ้าส์

46,297

29.81

บ้านเดี่ยว

27,653

17.80

อาคารพาณิชย์

12,219

7.87

บ้านแฝด

4,516

2.91

รวม

155,302

100.00

                                                   ที่มา: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

 

    • อัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปลอยตัวเฉลี่ยของ 6 ธนาคารใหญ่ มีรายละเอียดดังนี้

ปี 56

อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย

6 ธนาคาร

อัตราดอกเบี้ย

นโยบาย ธปท.

มกราคม-กุมภาพันธ์

7.23

2.75

มีนาคม-เมษายน

7.14

2.75

พฤษภาคม-สิงหาคม

7.14

2.50

                                    ที่มา: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
                                    หมายเหตุ: 6 ธนาคาร ประกอบ ธ.อาคารสงเคราะห์, ธ.กสิกรไทย, ธ.กรุงเทพ, 
                                                  ธ.กรุงศรีอยุธยา, ธ.กรุงไทย และ ธ.ไทยพาณิชย์

 

สรุปภาพภาวะอสังหาริมทรัพย์เดือนพฤศจิกายน 2556

           ภาพรวมของอุปทานมีการปรับตัวขึ้น 5.85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการขยายตัวมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นหลังจากที่ผู้ประกอบการเริ่มหันมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทนี้มากขึ้น จึงทำให้มีจำนวนที่สูงกว่าในปีที่ผ่านมา ในขณะที่ทางด้านอุปสงค์ยังมีการเติบโตได้ 10.59% โดยยังมีอาคารชุดเป็นตัวนำในเรื่องของการโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันจำนวนอุปทานที่เริ่มสร้างเสร็จมีจำนวนมากขึ้นก็ส่งผลทำให้มีการโอนเพิ่มขึ้นตามมาด้วย อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 7.13% ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% จึงทำให้อัตราดอกเบี้ยมีค่าอยู่ที่ 2.25%

ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2556 และแนวโน้มปี 2557

          • ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจในปี 2556

             ในปี 2556 เศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวมมีการเติบโตที่ลดลง โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะขยายตัวได้ 2.8% ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามความต้องการซื้อสินค้าคงทนโดยเฉพาะยานยนต์ที่ชะลอตัวลง นอกจากนี้การลงทุนภาครัฐที่ชะลอออกไปยังส่งผลให้กิจกรรมการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงตามมาด้วย เช่นเดียวกับแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่มีความล่าช้า เนื่องจากโครงการบางส่วนอยู่ระหว่างการจัดทำประชาพิจารณ์ก่อนเริ่มดำเนินโครงการตามคำสั่งของศาลปกครอง

            โดยในปี 2556 ประมาณการว่าจะมีการเกินดุลการค้าอยู่ที่ 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา  ในขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุลอยู่ที่ 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา จากที่เกินดุล 6.0 และขาดดุล 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ในปี 2555 อุปสงค์ภายในประเทศมีการปรับตัวลดลง เพราะการบริโภคจากภาคเอกชนมีการขยายตัวลดลงมาก เนื่องจากมาตรการต่างๆ ที่รัฐออกนโยบายมาได้หมดลงไปแล้ว ในขณะที่การบริโภคและการลงทุนของภาครัฐก็มีการขยายตัวลดลง เนื่องจากนโยบายของภาครัฐต้องมีการชะลอออกไปก่อนภายหลังจากที่รัฐบาลได้มีการประกาศยุบสภาไป ส่วนอุปสงค์ภายนอกประเทศหรือการส่งออกมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่การนำเข้าก็มีการขยายตัวลดลงตามไปด้วย และยังมีผลทำให้มีการเกิน ดุลการค้าอยู่อย่างต่อเนื่องจากปี 2555 ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของประเทศไทยมีการปรับตัวลดลงจากปี 2555 โดยคาดการณ์ว่าจะมีค่าเท่ากับร้อยละ 2.2 ในปี 2556 ซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อมีค่าลดลงมานั้น เนื่องมาจากแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่ลดลงตามการชะลอตัวของอุปสงค์ภาคเอกชนและแนวโน้มราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ลดลงอันเป็นผลมาจากอุปสงค์ในตลาดโลกที่ชะลอลง รวมทั้งผลจากแนวทางการดูแลราคาน้ำมันขายปลีกของภาครัฐ 
จากปัจจัยต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักทั้งจากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน จึงส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2556 มีแนวโน้มการขยายตัวที่ลดลงไปจากเดิมเมื่อเทียบกับปี 2555 ที่ผ่านมา 

           • แนวโน้มของเศรษฐกิจในปี 2557

             เศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2557 คาดว่าน่าจะมีอัตราการเติบโตที่ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2556 ที่ผ่านมา โดยได้มีการประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ในระดับ  3.5-4.5%  โดยมีปัจจัยหลักจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของการส่งออกสินค้าและบริการ ทั้งนี้การส่งออกสินค้าและบริการมีแนวโน้มเติบโตในอัตราเร่งขึ้นจากปีก่อนมาขยายตัวที่ร้อยละ 7.0 เนื่องจากคาดว่าการส่งออกสินค้าจะได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องตามการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นโดยเป็นผลมาจากนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐ แม้ว่าเศรษฐกิจของจีนจะยังอยู่ในช่วงของการปรับตัวต่อเสถียรภาพในระบบการเงินก็ตาม ขณะที่การส่งออกด้านบริการคาดว่าจะขยายตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ตามสถานการณ์การจ้างงานที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนได้จากอัตราการว่างงานที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับการเงินโดยรวมที่ผ่อนคลายจากอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะเอื้อต่อการใช้จ่ายของภาคเอกชน

            อย่างไรก็ตามในปี 2557 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2.4 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากการเร่งขึ้นของอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มทรงตัวจากอุปสงค์น้ำมันดิบที่คาดว่าจะเริ่มปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันตามการผลิตนอกกลุ่มโอเปค

            โดยสรุปจะเห็นได้ว่ายังมีปัจจัยต่างๆ ทั้งจากภายนอกและในประเทศที่อาจจะเกิดขึ้น ย่อมจะส่งผลต่อการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจในปี 2557 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องการเมืองที่รัฐบาลประกาศยุบสภา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐให้เกิดความล่าช้า อีกทั้งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ต้องมีการชะลอออกไปก่อน ทั้งนี้หากปัญหาการเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอนและถ้าเกิดการยืดเยื้อขึ้นก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามคาดว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศในปี 2557 น่าจะยังขยายตัวได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา และจะทำให้การเติบโตปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้

 

ตารางเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญ

รายละเอียด
ข้อมูลเบื้องต้น
2555
ข้อมูลประมาณการ
2556
ข้อมูลประมาณการ
2557
1.อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(%)

6.5

2.8

3.5-4.5

2.ด้านการลงทุน
   2.1 ภาคเอกชน (%)
   2.2 ภาครัฐ (%)


14.4
8.9


-0.3
-4.1


7.0
13.2

3.ด้านการบริโภค
   3.1 ภาคเอกชน (%)
   3.2 ภาครัฐ (%)


6.7
1.1


0.4
6.7


2.8
2.1

4.อัตราเงินเฟ้อ

3.0

2.2

1.9-2.9

5.การค้าระหว่าประเทศ
   5.1 การส่งออก 
         อัตราการขยายตัว (%)
   5.2 การนำเข้า 
         อัตราการขยายตัว (%)
   5.3 ดุลการค้า 
         (พันล้านดอลลาร์ สรอ.)
   5.4 ดุลบัญชีเดินสะพัด 
         (พันล้านดอลลาร์ สรอ.)
         สัดส่วนต่อ GDP (%)


3.1

8.8

6.0

-1.5

3.8


-0.6

-0.2

5.2

-6.2

0.8


6.5

5.0

8.9

4.4

1.0

                    ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

 

ภาพรวมภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2556 และแนวโน้มปี 2557

           • ภาพรวมภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2556

              ในปี 2556 ช่วงครึ่งปีแรกภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการเติบโตได้สูงขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยลบเข้ามาอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มชะลอตัวลง ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน และปัญหาการเมืองที่เริ่มมีความรุนแรงและคาดว่าน่าจะยืดเยื้อ ล้วนส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ค่อยสดใสมากเท่าไรนัก

              ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2556 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีทิศทางที่ขยายตัวได้ เห็นได้จากที่อยู่อาศัยจดทะเบียนในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนมีจำนวนประมาณ 117,900 หน่วย ในขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2555 มีที่อยู่อาศัยจดทะเบียน 111,388 หน่วย หรือมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 โดยประเภทที่อยู่อาศัยที่มีการจดทะเบียนมากที่สุดจะเป็นที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่มีจำนวน 6.4 หมื่นหน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 55 รองลงมาจะเป็นบ้านเดี่ยวที่มี 2.8 หมื่นหน่วย หรือร้อยละ 23 ส่วนทาวน์เฮ้าส์จะอยู่ที่ 1.5 หมื่นหน่วย คิดเป็น ร้อยละ 12 สาเหตุที่อยู่อาศัยคอนโดมิเนียมมีการจดทะเบียนสูง เนื่องมาจากโครงข่ายการคมนาคมของรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินที่ทำให้การเดินทางมีความสะดวกมากขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมที่นิยมที่อยู่อาศัยแนวราบก็หันมาอยู่ที่อยู่อาศัยประเภทแนวสูงมากขึ้น จึงทำให้ประมาณการว่าจะมียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 131,252 หน่วย ซึ่งมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มีจำนวนอยู่ที่ 125,002 หน่วย

              ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2556 การทำตลาดยังเป็นปีที่มีความยากลำบากอยู่ต่อไป เนื่องจากปัจจัยลบในช่วงครึ่งปีหลังที่ผู้บริโภคยังมีความไม่มั่นใจ ส่งผลทำให้ผู้บริโภคมีการชะลอการตัดสินใจซื้อและส่งผลกระทบกับตลาดโดยรวม รวมทั้งการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างจะรุนแรง จึงมีผลทำให้ในปี 2556 นี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2555 โดยมีสาเหตุหลักๆ มาจากปัจจัยดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั่นเอง

            • แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2557

               แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2557 คาดการณ์ผู้ประกอบการจะหันมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขึ้น หลังจากที่ได้มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมไปเป็นจำนวนมากในปี 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งการลดการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมยังมีสาเหตุมาจากที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการมีราคาขึ้นไปสูงมากจนไม่สามารถที่จะนำมาพัฒนาคอนโดมิเนียมออกมาขายในราคาที่ตลาดรับได้ อีกทั้งปัญหาการขาดแคลนผู้รับเหมาที่จะสร้างโครงการ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาที่สำคัญที่ส่งผลทำให้ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงมา ในขณะที่การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2557 น่าจะมีผลมาจากความผ่อนคลายของตัวเลขหนี้ภาคครัวเรือนและความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่มีทิศทางขยายตัวมากขึ้นจากปี 2556 หลังจากที่หนี้ภาคครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้นไปถึง 80% ของ     จีดีพี จนทำให้สถาบันการเงินต่างๆ มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ

               ในปี 2557 นี้ การแข่งขันของผู้ประกอบการยังมีอยู่สูง ในขณะที่ภาพรวมราคาสินค้าในปี 2557 น่าจะมีการขยับราคาขึ้นไปตามภาวะต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงที่มีการปรับตัวสูงขึ้น แต่จากภาวะในตลาดที่ยังมีการแข่งขันกันอยู่ จึงคาดว่าผู้ประกอบการน่าจะไม่ปรับราคาสูงมากนัก  และยังคาดการณ์ว่าผู้ประกอบการอาจจะใช้กลยุทธ์ทางด้านราคา เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดหรือช่วงชิงจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ โดยยังนำวิธีการลดขนาดของบ้านหรือคุณภาพของวัสดุก่อสร้างบางอย่างมาใช้ เพื่อรักษายอดรายได้ให้มีการทรงตัว ซึ่งจะมีผลทำให้ผลตอบแทนหรือกำไรของผู้ประกอบการมีการเติบโตต่อไป อย่างไรก็ตามปี 2557 ผู้ประกอบการยังต้องติดตามเรื่องของการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายและคุณภาพเป็นสำคัญ

              จากภาวะการแข่งขันที่ยังมีความรุนแรง ผู้ประกอบการต้องมีความเป็นมืออาชีพ พร้อมทั้งต้องมีการสร้างบ้านให้มีคุณภาพและบริการที่ดีด้วย เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ประกอบการ และในปี 2557 ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงการบริหารต้นทุนและการบริหารสภาพคล่องเป็นสำคัญ เพราะเป็นส่วนที่จะสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อไป และคาดการณ์ว่าในปี 2557 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าจะมีสภาพของตลาดโดยรวมที่เติบโตจากปี 2556 ตามเหตุผลต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว





______________________
กลุ่มข้อมูลและวางแผนสื่อสารองค์กร 

ฝ่ายสื่อสารองค์กร

Economic Articles

24 JAN 2014

1160 Views

BAM Mobile Application

ค้นหาทรัพย์ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส

บริการฝากขาย
อสังหาฯ
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย