Main Page > Economic Articles > บทความวิเคราะห์รายงานทางเศรษฐกิจและการเงิน เดือนมกราคม 2558

บทความวิเคราะห์รายงานทางเศรษฐกิจและการเงิน เดือนมกราคม 2558

รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงิน เดือนพฤศจิกายน 2557

           ข้อมูลเดือนพฤศจิกายน 2557 จากตารางภาวะเศรษฐกิจและการเงิน จะเห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคมีค่าลดลง เพราะราคาน้ำมันมีทิศทางที่ลดลงต่อเนื่องจนส่งผลทำให้ราคาสินค้ามีการปรับตัวลดลงไป ส่วนภาคการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากอยู่ในช่วงใกล้เทศกาลทำให้มีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาค่อนข้างมาก ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการได้ทำการเร่งผลิตสินค้ามากขึ้น เพื่อให้ทันกับความต้องการที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันดุลการค้าปรับตัวลดลงแต่ยังมีทิศทางที่เป็นบวกอยู่ เนื่องจากการนำเข้ามีการปรับตัวลดลงไป ทำให้ยังไม่น่าเป็นห่วงมากเท่าไรนัก อย่างไรก็ตามภาวะการเงินยังทรงตัวไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง โดยปริมาณเงินฝากและเงินให้สินเชื่อมีค่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยังมีการออกแคมเปญทางการเงินใหม่ๆ ส่งผลทำให้ประชาชนนำเงินมาฝากเพิ่ม ในขณะที่การปล่อยสินเชื่อมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากใกล้สิ้นปีทำให้ธนาคารต้องเร่งปล่อยสินเชื่อออกมาเพื่อให้ได้ตามเป้าที่วางไว้

 

ตารางภาวะเศรษฐกิจและการเงิน

รายละเอียด

สิงหาคม 57

กันยายน 57

ตุลาคม 57

พฤศจิกายน 57

ดัชนีราคาผู้บริโภค

107.6

107.4

107.3

107.2

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม

172.2

164.0

167.1

169.0

อัตราการใช้กำลังการผลิต

60.73

60.39

60.05

60.17

ดุลการค้า

2,198.94

1,130.71

2,082.00

1,913.62

ดุลบัญชีเดินสะพัด

554.55

-539.81

2,628.38

1,664.01

เงินฝาก

11,355.80

11,431.41

11,585.95

n.a.

เงินให้สินเชื่อ

12,668.68

12,579.13

12,880.89

n.a.

                             ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย
                             หมายเหตุ: ดัชนีราคาผู้บริโภค มีปีฐานคือ 2545  เงินฝาก/เงินให้สินเชื่อ มีหน่วยเป็น พันล้านบาท
                                           อัตราการใช้กำลังการผลิต มีหน่วยเป็น ร้อยละ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม มีปีฐานคือ 2543
                                           ดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัด มีหน่วยเป็น ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา


ภาวะอสังหาริมทรัพย์ เดือนพฤศจิกายน 2557

     • ด้านอุปทาน
        - ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เปรียบเทียบ ณ พ.ย. 56 กับ 57 มีรายละเอียดดังนี้

ปี

จำนวน(ยูนิต)

การเติบโต(%)

ณ พ.ย. 56

122,777

NA

ณ พ.ย. 57

116,834

-4.84%

                                                   ที่มา: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

       - ประเภทที่อยู่อาศัยที่มีการจดทะเบียน ณ พ.ย. 57 เรียงตามลำดับมีรายละเอียดดังนี้

ประเภท

จำนวน(ยูนิต)

สัดส่วน(%)

อาคารชุด

64,317

55.05

บ้านเดี่ยว

30,891

26.44

ทาวน์เฮ้าส์

12,463

10.67

อาคารพาณิชย์

6,418

5.49

บ้านแฝด

2,745

2.35

รวม

116,834

100.00

                                                   ที่มา: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์


     • ด้านอุปสงค์
        - การโอนกรรมสิทธิ์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เปรียบเทียบ ณ พ.ย. 56 กับ 57 มีรายละเอียดดังนี้

ปี

จำนวน(ยูนิต)

การเติบโต(%)

ณ ก.ย. 56

162,106

NA

ณ ก.ย. 57

151,555

-6.51%

                                                   ที่มา: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

       - ประเภทที่อยู่อาศัยที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ ณ พ.ย. 57 เรียงตามลำดับมีรายละเอียดดังนี้

ประเภท

จำนวน(ยูนิต) 

สัดส่วน(%)

อาคารชุด

60,034

39.61

ทาวน์เฮ้าส์

48,422

31.95

บ้านเดี่ยว

27,061

17.86

อาคารพาณิชย์

10,534

6.95

บ้านแฝด

5,504

3.63

รวม

151,555

100.00

                                                   ที่มา: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

    • อัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปลอยตัวเฉลี่ยของ 6 ธนาคารใหญ่ มีรายละเอียดดังนี้

ปี 56

อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย

6 ธนาคาร

อัตราดอกเบี้ย

นโยบาย ธปท.

มกราคม

7.03

2.25

กุมภาพันธ์

7.12

2.25

มีนาคม-พฤษภาคม

7.03

2.00

มิถุนายน

7.09

2.00

กรกฎาคม-พฤศจิกายน

7.05 2.00

                                    ที่มา: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
                                    หมายเหตุ: 6 ธนาคาร ประกอบ ธ.อาคารสงเคราะห์, ธ.กสิกรไทย, ธ.กรุงเทพ, 
                                                  ธ.กรุงศรีอยุธยา, ธ.กรุงไทย และ ธ.ไทยพาณิชย์

 


สรุปภาพภาวะอสังหาริมทรัพย์เดือนพฤศจิกายน 2557

 

           ภาพรวมของอุปทานมีการปรับลดลง 4.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจยังมีการฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ เนื่องมาจากมาตรการที่ภาครัฐได้กระตุ้นออกมายังไม่เห็นผลอย่างเต็มที่ จึงทำให้ผู้ประกอบการไม่ได้เร่งพัฒนาโครงการออกมาเท่าที่ควร ในขณะที่ทางด้านอุปสงค์หดตัวลง 6.51% เนื่องจากภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังมีทิศทางที่สูง ส่งผลให้ผู้บริโภคยังมีการชะลอการตัดสินใจซื้อออกไปก่อน ทั้งนี้ที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดยังมียอดการโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุด รองลงมาคือทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยว ส่วนดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยยังทรงตัวอยู่ที่ 7.05% โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีค่าเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลงที่ 2.00%

 


ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2557 และแนวโน้มปี 2558

 

           • ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจในปี 2557

 

            ในปี 2557 เศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวมมีการเติบโตที่ลดลง โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะขยายตัวได้ 1.0% ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจาก ในช่วงครึ่งปีแรกที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางด้านการเมืองจนทำให้ภาวะเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวลงไปเป็นอันมาก อย่างไรก็ตามหลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองมีทิศทางที่ชัดเจน ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี จึงทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังสามารถกลับฟื้นตัวได้มากขึ้น ทั้งจากนโยบายภาครัฐที่เอื้อต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน อาทิ การเร่งชำระหนี้ให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น

 

            โดยในปี 2557 ประมาณการว่าจะมีการเกินดุลการค้าอยู่ที่ 19.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ในขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลอยู่ที่ 9.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา จากที่เกินดุล 6.7 และขาดดุล 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ในปี 2556 อุปสงค์ภายในประเทศมีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย เพราะมาตรการภาครัฐที่ออกมามีส่วนช่วยทำให้ประชาชนเกิดการจับจ่ายใช้สอยได้พอสมควร ในขณะที่การบริโภคและการลงทุนของภาครัฐก็มีการขยายตัวลดลง เนื่องจากในช่วงต้นปีเกิดปัญหาทางการเมืองทำให้ไม่สามารถที่จะใช้งบประมาณได้ตามแผนงานที่วางไว้ อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังที่ปัญหาทางการเมืองได้คลี่คลายไปแล้ว ปัจจัยดังกล่าวถือได้ว่ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนอุปสงค์ภายนอกประเทศหรือการส่งออกคาดว่าจะไม่มีอัตราการขยายตัว ในขณะที่การนำเข้าก็มีการหดตัวลงตามอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอตัวลงไป และส่งผลทำให้มีการเกินดุลการค้าอย่างต่อเนื่องจากปี 2556 ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของประเทศไทยมีการปรับตัวลดลงจากปี 2556 โดยคาดการณ์ว่าจะมีค่าเท่ากับร้อยละ 2.1 ในปี 2557 ซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อมีค่าลดลงมานั้น เนื่องมาจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลงอันเป็นผลมาจากอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกที่ชะลอลงและการขยายตัวของอุปทานน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับผลจากแนวทางการดูแลราคาพลังงานของภาครัฐ
 
           จากปัจจัยต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักทั้งจากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน จึงส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2557 มีแนวโน้มการขยายตัวที่ลดลงไปจากเดิมเมื่อเทียบกับปี 2556 ที่ผ่านมา

 

           • แนวโน้มของเศรษฐกิจในปี 2558

 

            เศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2558 คาดว่าน่าจะมีอัตราการเติบโตที่ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2557 ที่ผ่านมา โดยได้มีการประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ในระดับ 3.6-4.6% โดยมีปัจจัยหลักจากอุปสงค์ภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวโดยเฉพาะจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านคมนาคมขนส่ง และอุปสงค์จากต่างประเทศที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นภายหลังสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศได้คลี่คลายลงไป นอกจากนี้อุปสงค์ภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเช่นกันตามแนวโน้มการจ้างงานและรายได้นอกภาคเกษตรที่มีแนวโน้มดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรมและภาคการท่องเที่ยว นอกจากนี้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจะเอื้อต่อการจับจ่ายใช้สอยของภาคเอกชน อย่างไรก็ตามรายได้เกษตรกรที่อยู่ในระดับต่ำตามราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกยังคงเป็นข้อจำกัดต่อการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนให้เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกันกับการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ชัดเจนขึ้นจากปัจจัยสนับสนุนสำคัญ อาทิ แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภาพรวมและแนวโน้มการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้า รวมทั้งความจำเป็นในการลงทุนปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เป็นต้น ขณะที่การส่งออกน่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดโลกฟื้นตัวขึ้นตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าของไทยโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

 

            อย่างไรก็ตามในปี 2558 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีทิศทางทรงตัว ประกอบกับแรงกดดันระดับราคาจากทางด้านอุปสงค์ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงไม่ส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อไปมากเท่าไรนัก

 

           โดยสรุปจะเห็นได้ว่ายังมีปัจจัยต่างๆ ทั้งจากภายนอกและในประเทศที่อาจจะเกิดขึ้น ย่อมจะส่งผลต่อการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจในปี 2558 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องการเมืองที่ยังต้องมีการติดตามว่าจะเป็นไปตามแผนงานของรัฐบาลที่วางไว้หรือไม่ ซึ่งหากไม่เป็นไปตามแผนงานก็อาจจะส่งผลให้การเมืองเกิดความไม่แน่นอนและถ้าเกิดการยืดเยื้อขึ้นก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามคาดว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศในปี 2558 น่าจะยังขยายตัวได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา และจะทำให้การเติบโตปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้

 

ตารางเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญ

รายละเอียด
ข้อมูลเบื้องต้น
2556
ข้อมูลประมาณการ
2557
ข้อมูลประมาณการ
2558
1.อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(%)

2.9

1.0

3.6-4.6

2.ด้านการลงทุน
   2.1 ภาคเอกชน (%)
   2.2 ภาครัฐ (%)


-2.8
1.3


-3.0
1.0


8.0
10.7

3.ด้านการบริโภค
   3.1 ภาคเอกชน (%)
   3.2 ภาครัฐ (%)


0.3
4.9


1.4
4.5


3.7
3.6

4.อัตราเงินเฟ้อ

2.2

2.1

2.2

5.การค้าระหว่าประเทศ
   5.1 การส่งออก 
         อัตราการขยายตัว (%)
   5.2 การนำเข้า 
         อัตราการขยายตัว (%)
   5.3 ดุลการค้า 
         (พันล้านดอลลาร์ สรอ.)
   5.4 ดุลบัญชีเดินสะพัด 
         (พันล้านดอลลาร์ สรอ.)
         สัดส่วนต่อ GDP (%)


-0.2

-0.5

6.7

-2.5

-0.7


0.0

-2.9

19.4

9.0

2.2


3.5

9.6

7.5

0.3

0.1

                    ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

 

ภาพรวมภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2557 และแนวโน้มปี 2558

           • ภาพรวมภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2557

           ในปี 2557 ช่วงครึ่งปีแรกภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัวลง เนื่องมาจากปัญหาการเมืองที่มีความรุนแรง ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ ได้ชะลอการพัฒนาโครงการออกไปก่อน ล้วนส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ค่อยสดใสมากเท่าไรนัก อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่การเมืองเริ่มมีความชัดเจนและคลี่คลายลง ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยผู้ประกอบการเริ่มมีการพัฒนาโครงการออกมาหลังจากที่ได้มีการชะลอตัวลงไปในช่วงก่อนหน้านั้น

           ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2557 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีทิศทางที่หดตัวลง เห็นได้จากที่อยู่อาศัยจดทะเบียนในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนมีจำนวนประมาณ 116,834 หน่วย ในขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 มีที่อยู่อาศัยจดทะเบียน 122,777 หน่วย หรือมีอัตราลดลงร้อยละ 5 โดยประเภทที่อยู่อาศัยที่มีการจดทะเบียนมากที่สุดจะเป็นที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่มีจำนวน 6.4 หมื่นหน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 55 รองลงมาจะเป็นบ้านเดี่ยวที่มี 3.1 หมื่นหน่วย หรือร้อยละ 26 ส่วนทาวน์เฮ้าส์จะอยู่ที่ 1.2 หมื่นหน่วย คิดเป็น ร้อยละ 11 สาเหตุที่อยู่อาศัยคอนโดมิเนียมมีการจดทะเบียนสูง เนื่องมาจากโครงข่ายการคมนาคมของรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินที่ทำให้การเดินทางมีความสะดวกมากขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมที่นิยมที่อยู่อาศัยแนวราบก็หันมาอยู่ที่อยู่อาศัยประเภทแนวสูงมากขึ้น จึงทำให้ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมยังเป็นที่นิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง

           ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2557 การทำตลาดยังเป็นปีที่มีความยากลำบากอยู่ต่อไป เนื่องจากปัจจัยลบเรื่องของการเมืองแล้ว ยังรวมไปถึงภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ส่งผลต่อรายได้ของผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคมีการชะลอการตัดสินใจซื้อและส่งผลกระทบกับตลาดโดยรวม อีกทั้งการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างจะรุนแรง จึงมีผลทำให้ในปี 2557 นี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการหดตัวลงไปเมื่อเทียบกับปี 2556 โดยมีสาเหตุหลักๆ มาจากปัจจัยดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั่นเอง

           • แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2558

           แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 คาดการณ์ว่าผู้ประกอบการจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรอบนอกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง จากการขยายแนวรถไฟฟ้าและโครงข่ายคมนาคม ซึ่งจะทำให้พื้นที่รอบนอกหรือชานเมืองสามารถเดินทางเข้าออกเมืองได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องซื้อที่อยู่อาศัยในเมืองหรือพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในหรือชั้นกลางที่ปัจจุบันราคาที่อยู่อาศัยได้ปรับตัวสูงขึ้นไปค่อนข้างมากตามต้นทุน โดยเฉพาะต้นทุนที่ดินที่ราคาได้ปรับตัวขึ้นไปสูงมากแล้ว ขณะที่ที่ดินที่อยู่บริเวณ รอบนอกหรือชานเมืองยังมีราคาไม่แพงมากนัก อีกทั้งยังมีที่ดินเปล่ามากพอที่จะพัฒนาเพิ่มมูลค่าตามศักยภาพของทำเล ในขณะที่การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 น่าจะมีผลมาจากการเมืองที่เริ่มนิ่ง ทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีการเติบโตได้ดีขึ้น ประกอบกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ทำให้มีเงินหมุนเวียนสร้างสภาพคล่องให้ระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมา

           ในปี 2558 นี้ การแข่งขันของผู้ประกอบการยังมีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภาพรวมราคาสินค้าในปี 2558 น่าจะมีการขยับราคาขึ้นไปตามภาวะต้นทุนของราคาที่ดิน ค่าวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงที่มีการปรับตัวสูงขึ้น แต่จากภาวะในตลาดที่ยังมีการแข่งขันกันอยู่ จึงคาดว่าผู้ประกอบการน่าจะไม่ปรับราคาสูงมากนัก และยังคาดการณ์ว่าผู้ประกอบการอาจจะใช้กลยุทธ์ทางด้านราคา เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดหรือช่วงชิงจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ โดยยังนำวิธีการลดขนาดของบ้านหรือคุณภาพของวัสดุก่อสร้างบางอย่างมาใช้ เพื่อรักษายอดรายได้ให้มีการเติบโตต่อไป อย่างไรก็ตามปี 2558 ผู้ประกอบการยังต้องติดตามเรื่องของการรักษาสภาพคล่องเป็นสำคัญ เพราะจะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ในกรณีที่ความผันผวนทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นมา

           จากภาวะการแข่งขันที่ยังมีความรุนแรง ผู้ประกอบการต้องมีความเป็นมืออาชีพ พร้อมทั้งต้องมีการสร้างบ้านให้มีคุณภาพและบริการที่ดีด้วย เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ประกอบการ และคาดการณ์ว่าในปี 2558 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าจะมีสภาพของตลาดโดยรวมที่เติบโตจากปี 2557 ตามเหตุผลต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว




กลุ่มข้อมูลและวางแผนสื่อสารองค์กร
ฝ่ายสื่อสารองค์กร

Economic Articles

23 JAN 2015

1097 Views

BAM Mobile Application

ค้นหาทรัพย์ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส

บริการฝากขาย
อสังหาฯ
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย