หน้าหลัก > บทความการเงิน > วิเคราะห์แนวคิดเพื่อจัดสรรเงินลงทุนในตราสารทุนตามอายุของนักลงทุน

วิเคราะห์แนวคิดเพื่อจัดสรรเงินลงทุนในตราสารทุนตามอายุของนักลงทุน

วิเคราะห์แนวคิดเพื่อจัดสรรเงินลงทุนในตราสารทุนตามอายุของนักลงทุน*

 

          นักลงทุน 2 คนที่มีเป้าหมายการลงทุนอย่างเดียวกัน อาจจะจัดสรรเงินลงทุนที่แตกต่างกันได้ คนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง มักจะจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า ซึ่งได้แก่ ตราสารทุน ในสัดส่วนที่มากกว่า ส่วนคนที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อยกว่า มักจะจัดสรรเงินลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าในสัดส่วนที่มากกว่า ส่วนในด้านระยะเวลาในการลงทุนนั้น นักลงทุนที่มีระยะเวลาในการลงทุนสั้นๆ มักจะจัดสรรเงินลงทุนค่อนไปในทางตราสารหนี้มากกว่านักลงทุนที่มีระยะเวลาในการลงทุนยาวกว่า

 

          สำหรับเป้าหมายการลงทุนในระยะยาวนั้น นอกจากการยอมรับความเสี่ยงและทัศนคติที่มีต่อความเสี่ยงของนักลงทุนแล้ว ปัจจัยอายุของนักลงทุนเองก็มีความสำคัญด้วยเช่นกัน โดยหลักการพื้นฐานของการจัดสรรเงินลงทุน ความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอจะถูกปรับลดลงเมื่ออายุของนักลงทุนมีมากขึ้น ดังนั้นจะมีแนวคิดใดบ้างที่นักลงทุนพอจะนำมาเป็นแนวคิดเพื่อให้เห็นภาพการแบ่งสัดส่วนการลงทุนระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้แบบเบื้องต้นตามอายุการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปในเบื้องต้น โดยไม่ต้องใช้วิธีการคำนวณที่เข้าใจยากและซับซ้อนเกินไป ซึ่งสามารถมาติดตามกันได้ดังรายละเอียดดังนี้

 

          แนวคิดอย่างง่ายหรือที่เรียกกันว่า กฎหัวแม่มือ (Rule of Thumb) แนะนำไว้ว่าให้นำตัวเลข 100 ลบออกด้วยอายุปัจจุบันของนักลงทุน ก็จะได้สัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนอายุ 25 ปี ควรมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน คือ 75% (100-25) นักลงทุนอายุ 50 ปี ควรมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน คือ 50% (100-50) อย่างไรก็ตามแนวคิดดังกล่าวนำมาใช้กันนานหลายปีแล้ว อย่างไรก็ดีปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น โลกาภิวัฒน์ ระบบเศรษฐกิจ และความเชื่อมโยงของตลาดมีมากขึ้น ทำให้อัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่างๆ มีความเคลื่อนไหว (หรือมีค่าสหสัมพันธ์) กันมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากปี 2008 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในสหรัฐอเมริกา และทำให้ประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงลดลง

 

          ในด้านตราสารหนี้ ปัจจุบันอยู่ในช่วงที่อัตราผลตอบแทนต่ำและความผันผวนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต เนื่องจากเศรษฐกิจเติบโตช้าลง อัตราเงินเฟ้อต่ำ และอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าในอดีต นอกจากนี้อายุคาดเฉลี่ยประชากรไทยปรับเพิ่มขึ้นจากในอดีต และมีแนวโน้มเป็นไปตามประเทศที่พัฒนาแล้วมากขึ้น เนื่องจากความรู้และการศึกษา การแพทย์ ยา และการสาธารณสุขดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดังกล่าวทำให้ความเสี่ยงต่อการบรรลุเป้าหมายในระยะยาวมีสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจึงมีผู้เสนอแนวคิดให้ปรับเพิ่มตัวเลขจาก 100 เป็น 110 หรือถึง 120

 

          นอกจากปัจจัยเรื่องอายุแล้ว ปัจจัยเรื่องเพศชายและหญิงก็ทำให้การจัดสรรน้ำหนักการลงทุนในตราสารทุนตามอายุในระยะยาวแตกต่างกันได้ เนื่องจากคาดว่าอายุเฉลี่ยประชากรหญิงของไทยมีอายุยืนกว่าเพศชายโดยเฉลี่ยประมาณ 7 ปี (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2556; สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2548-2549) อย่างไรก็ดีนอกเหนือจากแนวคิดอย่างง่ายในการปรับสัดส่วนการลงทุนตามอายุของนักลงทุนดังกล่าวแล้ว การจัดสรรเงินลงทุนยังต้องยึดหลักการรักษาเงินลงทุน (Capital Preservation) และการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ (Valuation) ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการจัดสรรเงินลงทุนไว้ด้วยเสมอ และอยู่ในตลาด (Stay Invested) เพื่อให้การจัดสรรเงินลงทุนในระยะยาวตามอายุนักลงทุนได้ผลดีอีกด้วย

       


_______________
* แหล่งที่มาของข้อมูล : พิชญ ฉัตรพลรักษ์ กองทุนบัวหลวง

 

 

กลุ่มข้อมูลและวางแผนสื่อสารองค์กร
ฝ่ายสื่อสารองค์กร

บทความการเงิน

วันที่ 23 สิงหาคม 2562

2243 Views

BAM Mobile Application

ค้นหาทรัพย์ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส

บริการฝากขาย
อสังหาฯ
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย