หน้าหลัก > บทความการเงิน > การลงทุนในอุตสาหกรรม Digital Healthcare

การลงทุนในอุตสาหกรรม Digital Healthcare

การลงทุนในอุตสาหกรรม Digital Healthcare*

 

          จากความก้าวหน้าทางวิทยาการที่เพิ่มขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน ส่งผลให้คนมีแนวโน้มที่จะมีชีวิตยืนยาวมากขึ้นกว่าในอดีต ประกอบกับพฤติกรรมการนิยมมีบุตรที่น้อยลงของประชากรโลก จึงส่งผลให้ในหลายๆ ประเทศมีแนวโน้มเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัย หรือ Aging Society กล่าวคือ มีสัดส่วนประชากรที่เป็นผู้สูงอายุสูง เมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมด โดยมีแนวโน้มเกิดขึ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วก่อน เช่น ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ แต่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เช่น จีน ก็มีทิศทางการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนประชากรไปในทิศทางการเป็นสังคมผู้สูงอายุเช่นกัน โดยข้อมูลขององค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่าในปี 2050 จำนวนผู้สูงอายุทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวจากสัดส่วนในปัจจุบัน ขณะที่ประเทศไทยเองนั้น มีการคาดการณ์ว่าจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2021 (โดยมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย ข้อมูลจากสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้)

 

          หนึ่งในข้อสังเกตที่ตามมาจากปรากฎการณ์ข้างต้นนี้ คือ การที่มนุษย์มีความต้องการในด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยแม้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ต้นทุนการใช้ชีวิตในหลายๆ ด้านลดลง ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้นจากระบบขนส่งสาธารณะที่ดีขึ้น หรือสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้นจากการเข้ามาของระบบอินเทอร์เน็ต แต่ว่าการใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลกลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับการใช้จ่ายโดยรวม โดยในสหรัฐฯ เอง มีการศึกษาพบว่าการใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพมีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงกว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและอัตราการเติบโตของรายได้ประชากร ด้วยเหตุผลนี้ ส่งผลให้กลุ่มอุตสาหกรรม Healthcare เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นที่สนใจของนักลงทุน โดยมองว่ากลุ่มอุตสาหกรรมนี้มีลักษณะเป็น Defensive Sector กล่าวคือมีแนวโน้มที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ในช่วงตลาดถดถอย จากการที่ความต้องการการรักษาพยาบาลของประชากรยังคงมีอยู่แม้ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ส่งผลให้รายได้ของบริษัทใน Sector ค่อนข้างมั่นคง

 

          จากความต้องการทางด้านสุขภาพที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่เข้าสู่ยุคของคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ทำให้ในช่วงที่ผ่านมามีการพัฒนาวิทยาการและนวัตกรรมใหม่ๆ มากมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาพยาบาลและการดูแลสุขภาพของมนุษย์ ซึ่งในแง่ของการลงทุนนั้นถือได้ว่าเป็นการเปิดโอกาสในการลงทุนในบริษัทที่เรียกว่ากลุ่ม Digital Healthcare ที่มีการคิดค้นผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรม Healthcare นำมาซึ่งโอกาสเติบโตสูงกว่าบริษัทในอุตสาหกรรม Healthcare ดั้งเดิมที่โดยมากมักเป็นบริษัทยาหรือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่อัตราการเติบโตไม่เยอะเท่า

 

          บริษัทในกลุ่ม Digital Healthcare นี้ โดยมากมีขนาดเล็ก มีอัตราการเติบโตสูง และมีความหลากหลาย แต่หากจะจำแนกตามลักษณะของกลุ่มอุตสาหกรรมย่อย อาจแบ่งได้เป็นสามกลุ่ม ได้แก่
          1) บริษัทที่เน้นในเรื่อง Research and Development เช่น บริษัทที่ให้บริการแก่บริษัทยาในเรื่องการทำวิจัยข้อมูลโดยใช้ AI
          2) บริษัทที่เน้นในเรื่องการคิดค้นนวัตกรรมด้านการรักษาโรค เช่น การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการรักษาโรคมะเร็ง การใช้หุ่นยนต์ช่วยเหลือในการผ่าตัด
          3) บริษัทที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอุตสาหกรรม Healthcare เช่น การให้บริการการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่าน Video Call

 

          โดยสรุปจะมองเห็นได้ว่าการลงทุนในบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม Digital Healthcare ดังกล่าวข้างต้น ควรเน้นการลงทุนในระยะยาวที่อาศัยการเลือกหุ้น (Stock Selection) โดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากบริษัทส่วนมากเป็นบริษัทขนาดกลางถึงขนาดเล็กที่ยังอยู่ในช่วงการเริ่มต้นขยายธุรกิจ แต่มีศักยภาพในการเติบโตสูงจากการคิดค้นนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สามารถ Disrupt อุตสาหกรรม Healthcare ได้ โดยแม้ว่าการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในอุตสาหกรรม Healthcare ในแบบดั้งเดิม แต่ว่ามีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าความเสี่ยงจากศักยภาพในการเติบโตที่สูงกว่าอุตสาหกรรม Healthcare แบบเดิมนั่นเอง


       


_______________
* แหล่งที่มาของข้อมูล : ทีมจัดการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด

 

 

กลุ่มข้อมูลและวางแผนสื่อสารองค์กร
ฝ่ายสื่อสารองค์กร

บทความการเงิน

วันที่ 22 มีนาคม 2562

903 Views

BAM Mobile Application

ค้นหาทรัพย์ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส

บริการฝากขาย
อสังหาฯ
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย