การกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ด้วยมัลติแอสเซท*
การจัดสรรเงินหรือจัดพอร์ตลงทุนให้ปลอดภัย นั่นคือการกระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ น้ำมัน อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น หรือเรียกว่า "มัลติ แอสเซท" การลงทุนในรูปแบบที่กล่าวข้างต้น นักลงทุนบางคนอาจคิดว่านั่นเหมาะสำหรับคนที่มีเงินลงทุนจำนวนมาก และจ้างมืออาชีพทั้งการเป็นที่ปรึกษาคำแนะนำในการจัดสรรเงินลงทุนและนำเงินไปลงทุนให้ อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทจัดการกองทุนได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนรวมแบบครบเครื่องในกองทุนเดียวเพื่อตอบโจทย์สำหรับผู้ลงทุนรายย่อย นั่นคือกองทุนประเภทมัลติ แอสเซท ถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้มีเงินลงทุนน้อย ผู้ที่ไม่มีเวลาลงทุนเอง ตลอดจนผู้ที่ขาดความรู้เรื่องการลงทุน การลงทุนผ่านกองทุนรวมน่าจะเป็นตัวเลือกที่ลงตัวที่สุด
การลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ผสมผสานในหลายสินทรัพย์นั้นมี 2 ประเภท ได้แก่ กองทุนรวมผสมหรือเรียกอีกชื่อว่า บาลานซ์ ฟันด์ เป็นกองทุนรวมที่สามารถลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินประเภทต่างๆ ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น หรือตราสารอื่นๆ แต่จะต้องมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นในขณะใดขณะหนึ่งไม่น้อยกว่า 35% และไม่เกินกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมนั้น กองทุนรวมประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ปานกลาง ส่วนกองทุนรวมผสมยืดหยุ่นหรือเฟล็กซิเบิ้ล พอร์ตโฟลิโอ ฟันด์ (Flexible Portfolio Fund) คือกองทุนรวมที่สามารถลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินประเภทต่างๆ ได้ทุกประเภทเช่นเดียวกับกองทุนรวมผสม แต่ไม่มีข้อจํากัดเรื่องสัดส่วนการลงทุนในหุ้น ดังนั้นการจัดสรรเงินลงทุนระหว่างเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น หรือตราสารอื่นๆ จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจลงทุนของผู้จัดการกองทุนตามสภาวะตลาดในขณะนั้นๆ กองทุนรวมประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ปานกลาง ทั้งนี้การลงทุนในพอร์ตผสมที่กระจายลงไปในหลายสินทรัพย์ตอบโจทย์ได้ 3 เรื่องหลักๆ ดังนี้
• ทำให้เข้าถึงสินทรัพย์ลงทุนหลากหลายได้ง่ายขึ้นด้วยกองทุนเดียว ไม่ต้องมานั่งวิเคราะห์เอง
• กระจายลงทุนหลายประเภทสินทรัพย์เท่ากับกระจายความเสี่ยงในการลงทุนไปในตัว
• เป็นการเพิ่มผลตอบแทนในยุคดอกเบี้ยต่ำ จะเห็นได้ว่าผู้มีเงินออมยอมรับความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อหาทางเลือกใหม่ๆ ที่ดีกว่าการฝากเงินหรือการลงทุนตราสารหนี้แบบเดิมๆ
กองทุนประเภทมัลติ แอสเซท ได้รับความนิยมจากนักลงทุนจำนวนมากตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกปี 2560 หรืออาจเรียกอีกชื่อว่ากองทุนประเภทมัลติ แอสเซท อินคัม ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมที่เน้นกระจาย การลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ จะเห็นได้ว่ากองทุนประเภทนี้เน้นผสมการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกเพื่อสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ สามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนในเรื่องรายได้ระหว่างทาง และโอกาสในการรับผลตอบแทนตามเป้าหมายในระดับที่น่าพอใจตามประเภทสินทรัพย์และระยะเวลาที่ลงทุน จึงทำให้กองทุนประเภทดังกล่าวเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้นักลงทุนสามารถทยอยลงทุนได้ในทุกช่วงสภาวะของตลาดและเหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ เนื่องจากจะมีสัดส่วนของการลงทุนในหุ้นผสมอยู่ โดยกองทุนประเภทนี้เหมาะที่จะเป็นกองทุนหลักในพอร์ตการลงทุน เพราะมีการกระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์และมีความผันผวนต่ำกว่า หุ้นแต่มีโอกาสการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาวสูงกว่าตราสารหนี้
ขอยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น เช่น กรณีกองทุนเปิดแอสเซทพลัส โกลบอล อินคัม พลัส (ASPGIPLUS) ที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ เช่น ตราสารหนี้ต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการกระจายการลงทุนส่วนอื่นไปในสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตสูงและสินทรัพย์ทางเลือก เช่น หุ้นต่างประเทศ และหน่วยลงทุนใน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือรีท กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ หรือกองทุนอีทีเอฟ หรืออาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝงที่อ้างอิงกับดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ และจะพิจารณาปรับลดสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ 0-100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนโดยมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกกว่า 4,150 ตราสาร ผ่านกองทุนของ Fidelity International ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญการบริหารกองทุน พร้อมกลยุทธ์การบริหารพอร์ตแบบยืดหยุ่นเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในทุกสภาวะตลาด พร้อมสร้างรายรับสม่ำเสมอสูงสุด 12 ครั้งต่อปี
_______________
* แหล่งที่มาของข้อมูล : พูลศรี เจริญ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
กลุ่มข้อมูลและวางแผนสื่อสารองค์กร
ฝ่ายสื่อสารองค์กร