เกี่ยวกับเรา
BAM ประกอบธุรกิจด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยมีส่วนช่วยเหลือลูกหนี้และแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน เพิ่มเติม
ทรัพย์
อื่นๆ
ติดต่อเรา
0-2630-0700
0-2266-3377
99 ถนนสุรศักดิ์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
หน้าหลัก > บทความการเงิน > กลุ่มหุ้น 'ดาวรุ่ง-ดาวร่วง' ท่ามกลางวิกฤตน้ำท่วม
กลุ่มหุ้น 'ดาวรุ่ง-ดาวร่วง' ท่ามกลางวิกฤตน้ำท่วม*
ปัญหาน้ำท่วมกำลังจะกดดันบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทย โดยภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ คือ นิคมอุตสาหกรรม ยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้รายย่อยจำนวนมาก ประกันวินาศภัย ธนาคารพาณิชย์ กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย บันเทิง และ การท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามกลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีกและวัสดุก่อสร้างน่าจะได้ประโยชน์ เนื่องจากประชาชนยังคงต้องกินต้องใช้ ผู้บริโภคต่างพากันกักตุนอาหารและน้ำดื่ม ยกตัวอย่างเช่น แก๊สประเภทแคมปิ้ง ขายดีจนขาดตลาด และน้ำดื่มที่ไม่มีจำหน่ายแล้ว ส่วนวัสดุก่อสร้างนั้นเมื่อน้ำลดจะมีการสร้าง ซ่อม ตั้งแต่ถนนไปจนถึงบ้านจากหลังคา ฝาบ้าน จนถึงฐานราก
ส่วนผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะมากน้อย ต่างกัน โดยอุตสาหกรรมที่ได้ผลกระทบเรียงจากมากที่สุดไปยังน้อยที่สุด คือ
1.กลุ่มประกันวินาศภัย จะได้ผลกระทบมาก เนื่องจากคาดว่าการเบิกจ่ายค่าสินไหมจะปรับตัวสูงขึ้นมาก
2.กลุ่มยานยนต์ กระทบต่อการผลิตโดยตรง เพราะโรงงานชิ้นส่วนหลายแห่งในนิคมต้องปิดโรงงาน จึงมีแนวโน้มที่จะลดการผลิตเพราะขาดแคลนชิ้นส่วน กระทบต่อแนวโน้มยอดขายทุกบริษัท
3.กลุ่มสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้รายย่อยจำนวนมาก โดยเฉพาะปล่อยกู้ยานยนต์ จะได้รับผลกระทบมากเพราะคนไม่มีกำลังผ่อน
4.กลุ่มธนาคารพาณิชย์ จะปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ล่าช้ากว่าที่คาด ทั้งยังต้องเผชิญกับปัญหาการผิดชำระหนี้จากผู้ประกอบการที่ประสบภัยน้ำท่วม ทำให้การขยายตัวของสินเชื่อลดลง แต่ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่น่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
5.กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จะมีการก่อสร้างโครงการล่าช้าลง เป็นปัจจัยลบต่อทุกบริษัท
6.กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย จะกระทบเนื่องจากประชาชนจะชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน เพื่อพิจารณาทำเลที่ตั้งโครงการที่ได้รับผลกระทบ และมีความเสี่ยง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับกลางระดับล่างแถวชานเมือง ส่วนคอนโดมิเนียมในเมืองน่าจะได้รับผลกระทบน้อยสุด
7.กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม มีพื้นที่ของนิคมฯ น้ำท่วมเสียหายไปแล้วหลายแห่ง
8.กลุ่มท่องเที่ยว อาจจะได้รับผลกระทบที่คนกลัวน้ำกัน ทำให้ต้องหยุดท่องเที่ยวชั่วคราว
9.กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลกระทบปานกลาง เพราะหลายรายที่อยู่ในพระนครศรีอยุธยาต้องหยุดการผลิตชั่วคราว
10.กลุ่มบันเทิง เนื่องจากรายได้หลักจากรากหญ้าได้จะหดหายไป เพราะได้รับผลจากน้ำท่วมสูงสุด จึงเป็นแรงกดดันให้บริษัทต่างๆ ชะลอการโฆษณา
11.กลุ่มสื่อสาร อาจได้รับผลกระทบในระยะสั้นเล็กน้อยจากลูกค้าที่ผิดชำระหนี้ และใช้บริการโทรศัพท์น้อยลง เนื่องจากขาดไฟฟ้า
12.กลุ่มเหล็ก อาจได้รับผลกระทบระยะสั้นจากความยากลำบากในการขนส่ง เนื่องจากเส้นทางเสียหาย
ส่วนอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ ประกอบด้วย
1.กลุ่มค้าปลีก ได้ประโยชน์มากที่สุด โดยหากท่วมไม่นานจะได้ผลบวกมากเนื่องจากประชาชนกักตุนสินค้า หรือซื้อเพิ่มเพื่อบริจาค หากน้ำท่วมนานอาจจะได้รับกระทบ เพราะต้องปิดสาขาเพิ่มขึ้น แต่ถ้าน้ำลดลงยอดขายสินค้าอุปกรณ์ใช้สอยในบ้านจะเพิ่มขึ้นเพราะต้องซ่อมบ้าน
2.กลุ่มเกษตรและอาหาร ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้มีนัยสำคัญต่อบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มนี้
3.กลุ่มวัสดุก่อสร้าง หลังน้ำท่วมจะต้องมีการฟื้นฟูซ่อมแซมทรัพย์สินหรือถนนหนทาง ทำให้มีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น
__________________________________
* โดยนางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับวันที่ 18 ตุลาคม 2554