เกี่ยวกับเรา
BAM ประกอบธุรกิจด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยมีส่วนช่วยเหลือลูกหนี้และแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน เพิ่มเติม
ทรัพย์
อื่นๆ
ติดต่อเรา
0-2630-0700
0-2266-3377
99 ถนนสุรศักดิ์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
หน้าหลัก > บทความการเงิน > ทองคำใกล้หรือไกลกับคำว่า "ฟองสบู่" แนะจุดสังเกตราคาต่อปัจจัยพื้นฐาน*
ทองคำใกล้หรือไกลกับคำว่า "ฟองสบู่" แนะจุดสังเกตราคาต่อปัจจัยพื้นฐาน*
ปัจจุบัน“ทองคำ” ได้ก้าวมาเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่ได้รับการยอมรับอย่างมากหากย้อนกลับไป เมื่อ 20 ปี ก่อน ราคาทองคำยังอยู่ที่ระดับ288.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์มาปิดสิ้นปี2011 ที่ระดับ 1,570 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือเพิ่มขึ้นประมาณ5.45 เท่า ในระยะเวลาประมาณ12 ปีหรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึงปีละ37% ขณะที่ได้ทำสถิติสูงสุดไว้ที่1,923 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงต้นเดือนกันยายนในปีที่ผ่านมา ชัดเจนว่าในช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำที่ปรับขึ้นมานั้นเป็นผลกระทบจากหลาย ประการ ดังนี้
ประการแรก การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวมาตลอดตามสภานะทางการคลังและสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ
ประการที่สอง ภายใต้ดอกเบี้ยต่ำทั่วโลกอันทำให้ราคาของเงินมีมูลค่าต่ำหลังจากทั่วโลกได้ใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ประการที่สาม ความเคลื่อนไหวของการเก็งกำไรในตลาดทองคำระยะสั้นที่ได้เห็นกันมากขึ้น ซึ่งเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน และได้มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าเป้าหมายราคาทองคำจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในอีก 5 – 10 ปี ข้างหน้า แต่อย่างไรก็ตามตลาดกลับมองว่าราคาทองคำจะแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในสิ้นปีนี้เท่านั้น
แม้จะมีการสงสัยกันมากว่าราคาทองคำจะกำลังเป็นฟองสบู่แต่การทรุดตัวของราคา ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นอย่างง่ายๆ นักด้วยเหตุผลหลายประการ คือ
ประการแรก ปัญหา วิกฤตหนี้สาธารณะในสหรัฐและยุโรปนั้นถือเป็นปัญหาระยะยาว ซึ่งน่าจะเป็นหลักประกันได้ว่าสถานะของเงินดอลลาร์สหรัฐนั้นน่าจะอยู่ในภาวะ อ่อนแอในระยะยาวดังนั้นการลงทุนในตลาดเงินจึงไม่คุ้มค่าเท่ากับการลงทุนใน ทองคำ
ประการที่สอง จากปัญหาหนี้สาธารณะในสหรัฐส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐต้องใช้มาตรการลดค่าใช้จ่าย ช่องทางกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐก็จะเหลือน้อยเป็นผลต่อเนื่องให้ธนาคารกลาง สหรัฐ(เฟด)จะยังต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำที่0-0.25% ต่อไป
ประการที่สาม สภาทองคำโลกยังชี้ว่าอินเดียและจีนกำลังขึ้นมาเป็นผู้มีบทบาทใหม่ในตลาด ทองคำโลกและจะเป็นผู้นำความต้องการของทองคำโลกด้วย นอกจากนั้นการเปลี่ยนบทบาทของธนาคารกลางทั่วโลกจากการเป็นผู้ขายสู่การเป็น ผู้ซื้อทองคำได้ส่งผลต่อความต้องการและราคาทองคำในตลาดโลกมากขึ้น
และเมื่อกลับมาพิจารณาคำว่า “ฟองสบู่” หากมองว่าฟองสบู่ คือภาวะที่เมื่อใดที่ราคาตกแล้วจะไม่มีความต้องการซื้อเหลืออยู่นั้นจะพบว่า ทองคำไม่เป็นเช่นนั้นเพราะที่ผ่านมาเมื่อใดที่ราคาตกก็จะมีแรงซื้อเข้ามา เป็นระยะๆ เพราะทั่วโลกต่างมองว่าทองคำคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ อันทำให้อุปสงค์ทองคำยังคงมีอยู่หากมองว่า“ฟองสบู่” คือการที่ราคาขึ้นไปโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ อันนี้ก็ไม่น่าเป็นไปได้เพราะต่างรู้ดีว่าการปรับขึ้นของราคาทองคำนั้นยังมี ปัจจัยรองรับอยู่อย่างหนาแน่น
ส่วนการใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำต่อไปของสหรัฐนั้นก็ถือเป็นหลักประกันสำคัญที่ จะทำให้นักลงทุนยังคงเข้าลงทุนในตลาดทองคำต่อไป หรืออย่างน้อยที่สุดก็ยังคงสัดส่วนการลงทุนในทองคำไว้ ซึ่งทั้งหมดนี้คงตอบคำถามได้ว่าทองคำเข้าสู่ภาวะฟองสบู่แล้วหรือไม่ ส่วนที่ว่าภาวะดังกล่าวจะอยู่ใกล้หรือไกลขนาดไหนอันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า ราคาทองคำยังตอบสนองต่อปัจจัยแวดล้อมอยู่หรือไม่ แน่นอนว่าเมื่อใดที่ราคาทองคำไม่ตอบสนองต่อปัจจัยพื้นฐานในทิศทางที่ถูกต้อง แล้วนั่นก็หมายความว่าภาวะฟองสบู่ในทองคำคงใกล้เข้ามาทุกที
____________________________
* โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 30 มกราคม 2555