เกี่ยวกับเรา
BAM ประกอบธุรกิจด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยมีส่วนช่วยเหลือลูกหนี้และแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน เพิ่มเติม
ทรัพย์
อื่นๆ
ติดต่อเรา
0-2630-0700
0-2266-3377
99 ถนนสุรศักดิ์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
หน้าหลัก > บทความการเงิน > ถึงเป็นหนี้ แต่ก็มีเงินเก็บ
ถึงเป็นหนี้ แต่ก็มีเงินเก็บ*
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 เพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 79.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทย ที่ปัจจุบันจีดีพีไทยอยู่ 12 ล้านล้านบาท นับว่าเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่รวดเร็วจากปลายปี 2551 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 55.6 % ของจีดีพี เท่านั้น นั่นคือตัวเลขหนี้รวมของคนทั้งประเทศ แต่การจะกล่าวว่าหนี้ของใครมีมากน้อยแค่ไหนก็จะต้องจำแนกเป็นรายบุคคลไป ในภาวะที่คนมีภาระหนี้สูง ไม่ว่าจะเป็นผ่อนบ้าน รถยนต์ เครื่องใช้อุปโภคและบริโภค บัตรเครดิตในแต่ละเดือน ทำให้หลายคนจึงมักจะหาข้ออ้างให้กับตัวเองว่า มีเงินไม่พอที่จะออมได้เพราะมีค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้แบบชักหน้าไม่ถึงหลัง อยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริง คนที่เป็นหนี้ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถที่จะมีเงินออมได้ นั่นขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าหากมีความตั้งใจและมีวินัยเพียงพอ ย่อมทำได้แน่นอน
ทำอย่างไรให้มีเงินออม
• ขั้นแรกทำบัญชีรับจ่าย หรือ บัญชีครัวเรือน
ต้องเริ่มจากมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมีเงินเก็บออมเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ยามเจ็บไข้ได้ป่วยหรือยามเข้าสู่วัยเกษียณ ซึ่งจะไม่มีรายได้อีกต่อไปสักหนึ่งก้อน ลำดับต่อมาให้เริ่มทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายว่าในแต่ละเดือนมีรายรับเท่าไหร่ เช่น เงินเดือนหรือรายได้พิเศษ เช่นเดียวกับรายจ่าย ให้รวบรวมรายจ่ายประจำออกมา เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าเสื้อผ้า ค่าผ่อนชำระหนี้ในแต่ละเดือน
• ขั้นที่สอง อุดรูรั่วลดใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
เมื่อ มีลิสต์รายรับ-รายจ่ายแล้ว จะช่วยให้เราพบรูรั่วจากการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่ยังสามารถประหยัดได้ ซึ่งขั้นตอนต่อไปคือ อุดรูรั่วนั้นซะ เช่น ค่ากิน อาจลดปริมาณการทานอาหารนอกบ้านลง ค่าเสื้อผ้า กระเป๋า หากมีอยู่แล้วหลายใบก็ไม่ควรซื้อของใหม่เข้ามาเพิ่มเติม แต่อาจใช้วิธีการดัดแปลงของเดิมให้ดูเหมือนใหม่แทน
• ขั้นที่สาม ลดการใช้สินค้าทำลายสุขภาพ
ขณะ ที่รายจ่ายประจำอื่นๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หากสามารถเพิ่มการประหยัดได้ก็จะช่วยให้มีเงินอีกส่วนหนึ่งที่สามารถผันมา เป็นเงินออมได้ และสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่หรือกินเหล้า ให้ลองนับเงินที่ต้องเสียไปกับค่าเหล้าและบุหรี่ในช่วงที่ผ่านมาดูว่า หากเปลี่ยนมาเป็นเงินออม ป่านนี้จะคิดเป็นเงินออมเท่าไหร่แล้ว ถ้าเลิกได้ก็ควรเลิก แต่ถ้าเลิกไม่ได้ก็ควรลด
วิธีการที่อยากแนะนำ
1.เมื่อมีเงินก้อนจากการออมแล้วควรใช้เงินออมเพื่อชำระหนี้ก่อน เพราะดอกเบี้ยที่ได้รับจากการออมย่อมน้อยกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้กับการ กู้ยืมอยู่แล้ว โดยให้เลือกจ่ายหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยแพงที่สุดก่อน เช่นหนี้นอกระบบหรือหนี้ในระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุด
2.หากเงินออมหมดแล้วหรือไม่พอจะโปะหนี้ให้หมดไป ให้ทำการย้ายหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงไปยังแหล่งที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า เช่น หนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อบ้าน ที่ปัจจุบันมีหลายธนาคารยอมให้โอนหนี้โดยคิดดอกเบี้ยถูกกว่าหรือที่เรียกว่า รีไฟแนนซ์ แต่ต้องดูค่าใช้ในการย้ายหนี้ด้วย เช่น ค่าจดจำนอง ค่าปรับต่างๆ ว่าคุ้มกับดอกเบี้ยที่ถูกลงหรือไม่
3.หาทางเจรจากับเจ้าหนี้เมื่อรู้ตัวว่าจะไม่สามารถผ่อนชำระได้ เพื่อหาทางออก เช่น ขอลดดอกเบี้ย ขอยืดระยะเวลาชำระหรือขอขยายงวดเวลาในการชำระ โดยทำควบคู่ไปกับแผนลดรายจ่ายต่างๆ
4.หารายได้เสริม โดยหาอาชีพเสริมอื่นๆ หลังเลิกงานประจำหรือในวันหยุด เพื่อเพิ่มช่องทางที่มาของรายได้
อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมว่าวิธีการทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาที่ปลาย เหตุเท่านั้น จึงควรย้อนกลับไปดูต้นเหตุของหนี้สินที่เกิดขึ้นด้วยว่าเกิดจากอะไร เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัวใช้หรือไม่ หากทุกคนรู้จักการใช้จ่ายให้พอประมาณสมควรแก่ตัวเอง รู้จักการเก็บออม หากจำเป็นต้องพึ่งพาเงินกู้ก็ต้องรู้ถึงความสามารถในการผ่อนชำระและมีวินัย ในการผ่อนชำระอย่างสม่ำเสมอ เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยให้ไม่ต้องประสบกับภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว
___________________
* โดย ชลลดา อิงศรีสว่าง หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์