หน้าหลัก > บทความการเงิน > กลยุทธ์การลงทุนหุ้นถูก

กลยุทธ์การลงทุนหุ้นถูก

กลยุทธ์การลงทุนหุ้นถูก*


           กลยุทธ์การลงทุนที่ผ่านมาก็คือการซื้อหุ้นที่มีคุณภาพพอใช้ได้ แต่มีราคาถูกมากหรือไม่ก็เป็นหุ้นมีคุณภาพดีราคาถูกพอสมควร ต่อมาเมื่อตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้นพร้อมภาวะเศรษฐกิจประเทศ ราคาหุ้นทั่วไปในตลาดไม่ถูกเหมือนเดิม แต่ยังค่อนข้างถูก กลยุทธ์ลงทุนจึงเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหันมาลงทุนหุ้นที่มีคุณภาพดีมากราคาถูกหรือราคาไม่แพง เป็นแนวลงทุนแบบ Super Stock จวบจนปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเป็นปกติแล้วและตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมา เต็มที่ตามพื้นฐานที่ควรเป็น ส่งผลให้หุ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะหุ้นซุปเปอร์สต็อกราคาแพงขึ้นมาก จนแทบไม่เหลือ Margin of Safety หรือส่วนเผื่อความปลอดภัยการลงทุน ปัญหาคือถ้าได้รับปันผลมาหรือขายหุ้นบางตัวทิ้ง ควรจะเอาเงินไปลงทุนแบบไหน และนี่คือประเด็นที่กล่าวถึง คือ กลยุทธ์การลงทุนหุ้นถูก ที่ยังเหลืออยู่บ้างในตลาดหลักทรัพย์

           ในภาวะปัจจุบันของตลาดหุ้นนั้น ยังมีกลุ่มธุรกิจหลายกลุ่มที่มีหุ้นราคาถูกอยู่ในความหมายที่ว่าค่า PE ยังต่ำกว่าหรือประมาณ 10 เท่าต้นๆ ค่า PB ไม่ถึง 1 หรือหนึ่งเท่าเศษๆ และผลตอบแทนเงินปันผลมากกว่า 3-4% ของปีล่าสุด การที่หุ้นมีราคาถูกนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะว่าหุ้นอยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่ดี หรืออาจจะมีปัญหาทำกำไรในอนาคต ทำให้ตลาดไม่ให้คุณค่ามันเท่ากับธุรกิจกลุ่มอื่นๆ อย่างไรก็ตามตลาดอาจจะผิดในบางอุตสาหกรรมหรือในหุ้นบางตัว ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นถูกนั้นหลักๆ แล้วคือ พยายามหาหุ้นที่ถูกมาก ที่ตัวธุรกิจหรือกิจการอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่ตลาดหรือนักลงทุนทั่วไปคิด ลองมาพิจารณาดูกันไปทีละกลุ่มที่อาจจะเป็นเป้าหมายลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มที่ยังถูกหรือไม่แพงในขณะนี้

           หุ้นกลุ่มแรกที่ยังถูกอยู่และก็คงถูกไปเรื่อยๆ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร ผู้ผลิตสิ่งทอถูกจัดอยู่ในกลุ่มแฟชั่น และอุตสาหกรรมเหล็ก เป็นต้น หุ้นกลุ่มนี้มีปัญหาว่าในระยะยาวแล้วอาจไม่สามารถแข่งขันได้กับประเทศอื่น ซึ่งทำให้ธุรกิจต้องค่อยๆ หดตัวลง ดังนั้นการลงทุนในหุ้นถูกกลุ่มนี้จึงไม่มีประโยชน์ อย่างไรก็ตามถ้าเข้าใจกิจการอย่างลึกซึ้ง อาจจะหาหุ้นที่ไม่ได้ผลิตสินค้าที่มีแนวโน้มหดตัวอย่างที่คนอื่นคิด แม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจเหล่านั้น ถ้าพบบริษัทที่มีอนาคตแต่ราคาถูกมากก็สามารถลงทุนได้ ประเด็นสำคัญคือไม่ควรมองผลประกอบการระยะสั้นแล้วเข้าไปซื้อหุ้นในกลุ่มดัง กล่าว แม้ว่าหุ้นจะมีราคาถูกมาก

           หุ้นกลุ่มต่อมาที่ยังมีหุ้นราคาถูกอยู่บ้าง คือ หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทสร้างบ้านขาย อานิสงส์จากการที่ราคาหุ้นในกลุ่มปรับตัวลงเมื่อเร็วๆ นี้จากผลกระทบเรื่องภาวะเศรษฐกิจประเทศที่อ่อนตัวลง หุ้นขายบ้านจัดสรรหรือทำคอนโดมิเนียมมีราคาถูก เป็นเพราะธุรกิจนี้อาจจะค่อนข้างอิ่มตัวและมีคู่แข่งมาก อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีความผันผวนสูง ตามภาวะเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ดังนั้นโดยปกติที่หุ้นอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้มีราคาถูกจึงเป็นเรื่องที่สม เหตุผล การที่จะหวังให้หุ้นมีค่า PE ที่สูงขึ้นจึงอาจจะหวังไม่ได้มากนัก ดังนั้นถ้าจะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ นอกจากหุ้นจะต้องถูกมากแล้ว คิดว่าจะต้องเป็นบริษัทที่จะมีกำไรมากขึ้นอย่างน้อยช่วงหนึ่งถึงสองปีข้าง หน้าอย่างค่อนข้างแน่ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ด้วยกำไรที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นก็น่าจะเพิ่มขึ้นตาม โดยค่า PE ก็ยังเท่าเดิมหรือไม่น่าจะต่ำลง ส่วนข้อที่ต้องระวัง คือ อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน ถ้าปรับขึ้นสูง ราคาหุ้นมักปรับตัวลง เช่นเดียวกันถ้าเศรษฐกิจตกต่ำลงอีก การซื้อบ้านอาจลดลงมาก และนั่นทำให้การลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์เสี่ยงพอสมควร

           หุ้นกลุ่มใหญ่มากกลุ่มหนึ่งที่ยังมีหุ้นถูกอยู่พอสมควร คือ หุ้นธุรกิจการเงินซึ่งรวมถึงหุ้นธนาคาร เงินทุน และหลักทรัพย์ หุ้นในกลุ่มนี้ที่นักลงทุนให้คุณค่าน้อย ทำให้มีค่า PE กับ PB ไม่สูง และปันผลตอบแทนค่อนข้างดีเป็นเพราะเรื่องของความเสี่ยงในกรณีของบริษัทที่ อิงอยู่กับการปล่อยกู้อย่างธนาคารพาณิชย์และบริษัทให้สินเชื่อเช่าซื้อทั้ง หลาย โดยที่บริษัทเหล่านี้อาจประสบกับปัญหาหนี้เสียรุนแรง ซึ่งจะทำให้บริษัทขาดทุนหนักหรืออาจล้มละลายได้ เนื่องจากเงินปล่อยกู้นั้นสูงมากเมื่อเทียบกับส่วนทุนของบริษัท ส่วนในกรณีของธุรกิจหลักทรัพย์เองนั้น การแข่งขันในธุรกิจรุนแรงและมักเป็นการแข่งขันกันทางด้านของราคาเป็นหลัก ในอีกด้านหนึ่งปริมาณการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นรายได้หลักของ โบรกเกอร์เองนั้น มีความไม่แน่นอนสูงขึ้นอยู่กับภาวะตลาด ซึ่งทำให้รายได้และกำไรบริษัทไม่แน่นอนสูงมาก ดังนั้นราคาหุ้นบริษัทหลักทรัพย์จึงไม่สามารถจะแพง เหมือนธุรกิจอื่นที่มีความแน่นอนกว่า

           กลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจปล่อยเงินกู้ ไม่ว่าจะเป็นแบงก์หรือบริษัทให้กู้เช่าซื้อนั้น คิดว่าการที่หุ้นมีราคาค่อนข้างถูกช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความกลัวเรื่องหนี้เสียที่อาจจะเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะในด้านของบุคคลธรรมดา ดังนั้นกลยุทธ์ที่ควรใช้คือควรเลือกหุ้นถูกมากเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มที่ ถูกอยู่แล้ว นอกจากนั้นควรต้องดูว่าหนี้เสียของบริษัทนั้นจะสามารถควบคุมได้ไม่สูงเกินไป ความสม่ำเสมอของผลงานในอดีตจะต้องเป็นปัจจัยประกอบการวิเคราะห์ด้วย ส่วนธุรกิจหลักทรัพย์นั้นคิดว่าถ้าจะลงทุนควรเน้นถูกมากๆ เช่น เฉพาะเงินสดที่มีในบริษัทอาจมากกว่าราคาหุ้นแล้ว หมายความว่าถ้าเลิกบริษัทเอาเงินมาแบ่งกันก็อาจคุ้มแล้ว

           โดยสรุปทั้งหมดนั้นก็คือกลยุทธ์คร่าวๆ ของการลงทุนหุ้นถูก ที่ยังเหลืออยู่บ้างในตลาดหลักทรัพย์ การลงทุนแบบนี้ถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่เรียกว่า Second Best คือ ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ แต่ยังดีกว่าเก็บเงินสดไว้ในธนาคาร การลงทุนในหุ้นถูกแบบนี้อาจจะไม่ใช่การลงทุนที่ถือไว้ยาวนานมาก ต้องคอยเฝ้าดูอยู่เสมอว่าถึงเวลาขายหรือยัง ไม่ใช่แค่ดูหุ้นตัวที่ลงทุน แต่ต้องดูว่ามีโอกาสจะพบหุ้นตัวใหม่ที่ดีกว่า และถือลงทุนระยะยาวกว่าได้หรือไม่ ดังนั้นนี่คือการลงทุนที่อาจไม่ถาวร แต่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา



________________
* โดย : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร คอลัมน์ CEO Blogs หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

บทความการเงิน

วันที่ 27 เมษายน 2557

595 Views

BAM Mobile Application

ค้นหาทรัพย์ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส

บริการฝากขาย
อสังหาฯ
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย