ตั้งแต่ต้นปี 2563 ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนค่อนข้างสูง จากเหตุการณ์ที่เหนือการคาดคิดของนักลงทุน ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน และ การระบาดของไวรัสโควิด 19 สร้างความกังวลว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง แต่หากมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบเพียงชั่วคราว ก็เป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนและได้ประโยชน์จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลง โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีศักยภาพในการเติบโตของกำไรในอนาคต อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโต และมีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว แต่ราคาปรับตัวถูกลงจากความกังวลของนักลงทุน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้กลับมาพิจารณาและคัดเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี และได้เข้าลงทุนในต้นทุนที่ลดลง เพราะเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง ราคาหุ้นก็ควรจะปรับตัวกลับสู่ราคาพื้นฐานอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้การคัดเลือกหุ้นที่ถูกตัวจะช่วยสร้างโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น

          นอกจากการคัดเลือกหุ้นที่ถูกตัวแล้ว การจัดพอร์ตการลงทุนก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน หนึ่งในเคล็ดลับการลงทุนในหุ้นของ Warrant Buffet คือ การกระจายความเสี่ยงอาจไม่ใช่สิ่งดีเสมอไป (Diversification can be dangerous) ซึ่งการกระจายความเสี่ยง (ที่มากเกินไป) จะช่วยรักษาเงินต้น แต่การลงทุนในหุ้นจำนวนจำกัด (Concentrated) จะช่วยสร้างความมั่งคั่งได้ ดังนั้นจึงมีกลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุนในหุ้นแบบมุ่งเน้น (Focus Investment) ซึ่งเป็นกลยุทธ์อีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจ นอกเหนือจากลงทุนแบบกระจาย (Diversification) ในหุ้นหลายตัว โดยการลงทุนในหุ้นแบบมุ่งเน้นจะลงทุนในหุ้นประมาณ 15-20 ตัว หรือน้อยกว่านั้น จากผลการศึกษาของศาสตราจารย์เบอร์ตัน มัลคีล (Burton Gordon Malkiel) นักเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยพริ๊นซ์ตัน และผู้เขียนหนังสือทางการเงิน A Random Walk Down Wall Street ซึ่งเป็นหนังสือที่ได้รับการตีพิมพ์มาแล้ว 12 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่มีจำนวนหุ้นประมาณ 20 ตัว จะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตลงได้ประมาณ 70% อย่างไรก็ตามการเพิ่มจำนวนหุ้นในพอร์ตมากขึ้นเรื่อยๆ กลับไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

           โดยสรุปจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเลือกใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบมุ่งเน้น (Focus) หรือ แบบกระจาย (Diversification) การคัดเลือกหุ้นมีความสำคัญ ใช่ว่ากลยุทธ์การลงทุนแบบ Focus จะไม่มีความเสี่ยง ถ้าลงทุนในหุ้นไม่กี่ตัวแต่ลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน พอร์ตการลงทุนย่อมได้รับผลกระทบเมื่ออุตสาหกรรมนั้นๆ ประสบปัญหา ดังนั้นการกระจายการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมให้เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ดังคำกล่าวให้กระจายไข่ใส่ไว้หลายตะกร้า เผื่อว่าเวลาหกล้มไข่จะได้ไม่แตกหมด แต่ถ้านำไข่ใส่ตะกร้าเดียวแล้วนั่งเฝ้าอย่างใกล้ชิด ก็จำเป็นที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจถึงปัจจัยพื้นฐานหุ้นในบริษัทที่จะเข้าลงทุน แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรม วิเคราะห์งบการเงิน ศึกษาแผนธุรกิจ ซึ่งต้องใช้เวลาในการศึกษาและประเมินผลกระทบให้รอบด้าน อย่างไรก็ตามการลงทุนในหุ้นไม่ใช่จะมีเพียงวิธีลงทุนด้วยตนเอง แต่มีการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีผู้บริหารจัดการกองทุนที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญพร้อมที่จะเฝ้าไข่ในตะกร้าอย่างระมัดระวัง โดยก่อนการลงทุนควรขอคำแนะนำจากผู้แนะนำการลงทุน อ่านหนังสือชี้ชวน ทำความเข้าใจลักษณะและความเสี่ยงของกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้การลงทุนด้รับผลตอบแทนอย่างที่คาดหวังเอาไว้นั่นเอง